การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยสิ่งปลูกสร้าง

วิธีการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย การคำนวณจำนวนเงินเอาประกันภัยสิ่งปลูกสร้าง(เฉพาะอาคาร)

การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิเลือก 2 วิธี

  • วิธีที่ 1  กำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยตามมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นของใหม่ (Replacement Cost Valuation)
  • วิธีที่ 2  กำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน (Actual Cast Value)

การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยทั้ง 2 วิธีนี้มีความแตกต่างกันคือ

  • การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยวิธีที่ 1 ไม่มีการคิดค่าเสื่อมราคาของสิ่งปลูกสร้าง (อาคาร)
  • การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยวิธีที่ 2 ต้องมีการคิดค่าเสื่อมราคาของสิ่งปลูกสร้าง (อาคาร)

ค่าเสื่อมราคาคืออะไร

ค่าเสื่อมราคา (อาคาร) หมาย ถึงมูลค่าของทรัพย์สินที่ลดลงอันเนื่องจากอายุการใช้งานของทรัพย์สินนั้น สำหรับสิ่งปลูกสร้าง (อาคาร) ในประเทศไทยส่วนใหญ่แล้วอาคารหมดอายุ การใช้งานไม่ได้มีการทำลายทิ้งยังใช้งานอยู่ การกำหนดอายุการใช้งานของอาคารมีอายุเกิน 50 ปี ให้มีมูลค่าซากทรัพย์เท่ากับ 20% ของราคาอาคาร ฉะนั้นอัตราค่าเสื่อมราคาอาคารปีละ 1.6%

ปัจจุบันกรมการประกันภัยได้จัดทำวิจัยสรุปราคาสิ่งปลูกสร้าง(อาคาร) เป็นราคา/ตารางเมตรเพื่อนำไปใช้ในการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ดังตารางนี้

ตารางมาตรฐานราคาสิ่งปลูกสร้าง(อาคาร)

ประเภทของอาคาร

ราคา (บาท) / ตารางเมตร

 อาคารพาณิชย์ / ทาวเฮ้าส์ 1 ชั้น
อาคารพาณิชย์ / ทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น
อาคารพาณิชย์ / ทาวเฮ้าส์ 3 ชั้น
อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น
อาคารพาณิชย์ 5 ชั้น
อาคารโรงงานอุตสาหกรรมขนาดย่อม
อาคารโรงสีเก่า
อาคารโรงสีใหม่
อาคารบ้านพักอาศัย 1 ชั้น
อาคารบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
อาคารบ้านพักอาศัย 3 ชั้น
อาคารบ้านสำนักงาน 4-5 ชั้น
อาคารบ้านสำนักงาน 6-8 ชั้น
อาคารคอนโดมิเนียม (อาคารชุด)
อาคารสำนักงาน (อาคารสูง)

7,750.-
6,628.-
6,977.-
4,982.-
5,937.-
5,202.-
1,884.-
4,553.-
6,104.-
5,614.-
6,296.-
7,024.-
6,612.-
14,400.- (ไม่รวมสระว่ายน้ำ)
15,900.-

ตัวอย่างในการคำนวณวิธีการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย

ตัวอย่างที่ 1 การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ตามมูลค่าทรัพย์ที่เป็นของใหม่ (Replacement Cost Valuation)

สมมุติ อาคารพาณิชย์พักอาศัยขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 12 เมตร จำนวนชั้นความสูง 3 ชั้น อายุการใช้งาน 10 ปี

มูลค่าทรัพย์สินของใหม่ = พื้นที่ใช้สอย x ราคา/ตารางเมตร
พื้นที่ใช้สอย = กว้าง x ยาว x จำนวนชั้น
= 4 x 12 x 3 = 144
ราคา/ตารางเมตร = 6,977.- (ดูตารางอาคารพาณิชย์)
มูลค่าทรัพย์สินของใหม่ = 1,004,688.- บาท
ดังนั้นการเอาประกันภัยตามมูลค่าของใหม่ประมาณ 1,004,688 บาท

ตัวอย่างที่ 2 กำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน (Actual Cash Value)

สมมุติ เป็นอาคารเหมือนตัวอย่างที่ 1

มูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริง = มูลค่าทรัพย์สินของใหม่ – ค่าเสื่อมราคา
ค่าเสื่อมราคา = มูลค่าทรัพย์สินของใหม่ x (1.6% x อายุการใช้งาน)
มูลค่าทรัพย์สิน = 1,004,688.- (จากตัวอย่างที่ 1)
อายุการใช้งาน = 10 ปี
มูลค่าเสื่อมราคา = 1,004,688 x (1.6% x 10) / 100
= 160,750.08 บาท
มูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริง = 1,004,688 – 160,750.08 บาท
= 843,937.92 บาท
ดังนั้น การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริงประมาณ 843,937.92 บาท

วิธีการคำนวณค่าสินไหมทดแทน

เมื่อวิธีการที่ใช้ในการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยแตกต่างกัน วิธีการคำนวณค่าเสียหายก็ย่อมมีความแตกต่างกันด้วย

วิธีที่ 1 กำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยแบบมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นของใหม่เมื่อเกิดความเสียหาย (เพลิงไหม้)

จะได้ค่าสินไหมทดแทนในราคาปัจจุบัน

  • เหตุผล เพราะจำนวนเอาประกันภัยเป็นราคาของมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบัน
  • เบี้ยประกันภัยที่จ่ายมากกว่า

วิธีที่ 2 กำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย แบบมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินเมื่อเกิดความเสียหาย (เพลิงไหม้) จะได้ค่าสินไหมทดแทนในราคาปัจจุบันลบค่าเสื่อมราคา

  • เหตุผล เพราะจำนวนเงินเอาประกันภัยเป็นมูลค่าของทรัพย์สินไม่ใช่มูลค่าปัจจุบัน
  • เบี้ยประกันภัยจ่ายน้อยกว่า

ดังนั้น เพื่อมิให้เสียเบี้ยประกันภัยเกินความจำเป็น หรือผู้เอาประกันภัยจะต้องรับภาระความเสี่ยงภัยเอง ควรกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อสอบถามได้ที่

ส่วนกำกับการรับเสี่ยงภัย สำนักประกันวินาศภัย กรมการประกันภัย

โทร. 0-2547-4551, 0-2547-4979, โทรสาร. 0-2547-4553