ความเป็นมา
การนำระบบพิกัดอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยมาบังคับใช้กับทรัพย์สิน ที่เอาประกันภัย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิด ความถูกต้องเหมาะสมและเป็นธรรมระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัย นั้นองค์ประกอบเชิงวิศวกรรม และสถาปัตยกรรม ที่กำหนดไว้ในพิกัดจำเป็นต้องถูกต้องตามหลักวิชาการและทันต่อสภาพความเป็น จริงที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยจึงจะส่งผลให้ ผู้เอาประกันภัยเสียเบี้ยประกันอัคคีภัยตามสภาพความเสี่ยงภัยที่แท้จริงของ ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยทั้งความเสี่ยงภัยภายใน ที่เกิดจากลักษณะสิ่งปลูกสร้างลักษณะการใช้งานของอาคารและที่ตั้งของ ทรัพย์สินเองหรือความเสี่ยงที่เกิดจากภายนอก การกำหนดเขตให้บริษัทประกันภัยรับประกันอัคคีภัยตามที่กฎหมายกำหนด ใช้เป็นมาตรการป้องกันภัยจากภายนอก และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันอีกทางหนึ่งด้วย
อีกประการหนึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีผลให้เกิดการขยายตัวของเมืองไปอย่างรวดเร็วในขณะที่กฎหมาย ควบคุมอาคารที่มีอยู่ในปัจจุบันยังล้าสมัย ให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยอาคารโดยเฉพาะระบบการป้องกันอัคคีภัย น้อยไปจึงยังไม่สามารถคุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งๆที่เป็นความเสี่ยงที่สามารถบรรเทาได้ บุคคลในวงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาปนิก และวิศวกร เริ่มมองเห็นความสำคัญของการประกันภัย โดยกรมการประกันภัยมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัย รวมทั้งมาตรการต่างๆที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้ลงทุนจัดให้มีระบบความ ปลอดภัยในอาคาร ลดความเสี่ยงต่ออัคคีภัยลงได้
กรมการประกันภัย ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการลดความเสี่ยงต่ออัคคีภัย จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาปรับปรุง พิกัดอัตราเบี้ยเบี้ยประกันอัคคีภัย เพื่อให้การปรับปรุงครบวงจรทุกองค์ประกอบในการจัดทำพิกัด เพราะเป็นการรื้อทั้งระบบ ครั้งแรกของกรมการประกันภัย จึงมีคณะทำงานกลุ่มย่อยทบทวนองค์ประกอบเชิงวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมในการ กำหนด ลำดับชั้นของสิ่งปลูกสร้าง การกำหนดระดับความเสี่ยงภัยของท้องที่ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลถึงการพิจารณากำหนดอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัย ให้ถูกต้องตามสภาพเสี่ยงภัยที่แท้จริง และคณะทำงานกลุ่มย่อยทบทวนการกำหนดประเภท และส่วนลดอุปกรณ์ดับเพลิง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เจ้าของทรัพย์สินที่เอาประกันภัย จัดให้มีระบบป้องกันเพลิงไหม้หรือระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่นระบบเครื่องพรมน้ำดับเพลิงหรือระบบดับเพลิงอัตโนมัติหรือระบบหัวกระจาย น้ำดับเพลิง (automatic sprinkle system) หรือระบบอื่นที่เทียบเท่าที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองทันทีเมื่อมีเพลิงไหม้ โดยให้สามารถทำงานครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดทุกชั้น จะมีอัตราส่วนลดเบี้ยประกันอัคคีภัย ได้ถึงร้อยละ ห้าสิบ
ขณะนี้คณะทำงานกลุ่มย่อยได้ดำเนินงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากตัวแทนของ ส่วนราชการที่กำกับดูแลงานด้านความปลอดภัยในอาคารให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ตัวแทนจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ตัวแทนจากสมาคม สถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์และตัวแทนจากสมาคมประกันวินาศภัย นับเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่มีการระดมมันสมองจากบุคคลากรทุกสายอาชีพที่ เกี่ยวข้องสามารถสรุปข้อกำหนดและมาตรการต่างๆ ซึ่งเป็นผลให้เกิดประโยชน์ต่อทางราชการเป็นอย่างยิ่ง
องค์ประกอบเชิงวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ที่มีความสำคัญกับพิกัดอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัย เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องกำหนดใหม่มีดังนี้
การกำหนดเขตการรับประกันอัคคีภัย
เขตการรับประกันอัคคีภัย คือพื้นที่บริเวณหรืออาคารที่นายทะเบียนกำหนดให้เป็นวินาศภัยอันเดียวกัน หมายความว่า เมื่อเกิดอัคคีภัยแล้วอาจจะไหม้หมดทั้งพื้นที่บริเวณแต่ต้องไม่ไหม้ลุกลาม ออกนอกเขตไปยังเขตอื่นโดยอาศัยแนวต้านไฟเป็นหลัก วัตถุประสงค์ของการกำหนดเขตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำกับธุรกิจประกัน อัคคีภัยทรัพย์สิน ในแต่ละเขตการรับประกันอัคคีภัย มีจำนวนเงินการเอาประกันอัคคีภัยไม่เกินร้อยละสิบของเงินกองทุนของบริษัท ซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับทรัพย์สินนั้นแล้ว จะไม่กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทประกันภัย
การขยายตัวของชุมชนเมืองในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองสำคัญใน ภูมิภาคกำลังเข้าสู่ยุคการขยายตัว เป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ทั้งนี้เพราะเมืองเป็นเครื่องมืออันสำคัญยิ่งของการ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศสภาพทางกายภาพ ของเมืองมีการเปลี่ยนแปลงมีการวางผังเมืองเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา เมือง สิ่งปลูกสร้างขยายตัวในแนวตั้ง และซับซ้อนมากขึ้นความจำเป็นที่ต้องกำหนดเขตเพิ่มมีมากขึ้น เพราะเป็นการส่งเสริมให้บริษัทสามารถรับประกันภัย ตามที่กฎหมายกำหนดได้มากขึ้นส่งผลดีต่อธุรกิจประกันภัยการขยายตัวของชุมชนใน แนวตั้งมีอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ เกิดขึ้นมากมาย ความเสี่ยงต่ออัคคีภัยเปลี่ยนแปลงจากแนวราบมาเป็นแนวตั้งก็ยิ่งมีความจำเป็น ต้องศึกษาหลักวิชาการ กำหนดขนาดของแนวต้านไฟที่เป็นมาตรฐานสามารถกันไฟได้
อีกประการหนึ่งตามกฎกระทรวงมหาดไทยฉบับที่ 33 บังคับให้อาคารสูง หรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษจะต้องมีถนน หรือที่ว่างปราศจากสิ่งปกคลุมโดยรอบอาคารไม่น้อยกว่า 6.00 เมตร จึงทำให้อาคารเหล่านี้มีลักษณะเป็นภัยโดดเดี่ยว และถือเป็น หนึ่งเขตการรับประกันอัคคีภัย ระบบการป้องกัน และระงับอัคคีภัยภายในอาคารที่กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 33 บังคับต้องจัดให้มีระบบดับเพลิงแบบอัตโนมัติเช่น sprinkler systemหรือระบบอื่นที่เทียบเท่า โดยให้สามารถทำงาน ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดทุกชั้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาให้สามารถทำงานได้ทันทีเมื่อมีเพลิงไหม้
ปัจจุบันกรมการประกันภัย ได้ประกาศกำหนดเขตการรับประกันอัคคีภัยทั่วประเทศ 4,928 เขตเป็นเขตในกรุงเทพมหานคร 1,552 เขตและในภูมิภาค 3,376 เขต
การกำหนดชั้นของเมือง
ชั้นของเมือง คือระดับความเสี่ยงต่ออัคคีภัยของเขตการรับประกันอัคคีภัยเนื่องสภาพสิ่ง ปลูกสร้าง และสภาพแวดล้อม ทำให้เขตมีความเสี่ยงภัยไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับอัตราการทนไฟของสิ่งปลูกสร้างในเขตนั้นๆ การป้องกันอัคคีภัยมิให้เกิดขึ้น หรือเมื่อเกิดอัคคีภัยแล้วสามารถควบคุมและระงับอัคคีภัยได้เพียงใด นั่นคือองค์ประกอบในการพิจารณาผลของการจัดชั้นของเมือง เป็นมาตรการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย ให้เสียเบี้ยประกันอัคคีภัยตามสภาพความเสี่ยงภัยที่แท้จริงของทรัพย์สิน
การกำหนดชั้นของเมืองในปัจจุบันมี 2 ระบบคือ
ระบบที่ 1 ใช้กับท้องที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองใหญ่ในภูมิภาคที่นายทะเบียนกำหนด แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
- เขตธรรมดาทั่วไป หมายถึงเขตการรับประกันอัคคีภัย ที่มีสิ่งปลูกสร้างประกอบด้วย วัสดุทนไฟหรือต้านไฟได้ไม้น้อยกว่าร้อยละ แปดสิบของสิ่งปลูกสร้างภายในเขต และสิ่งปลูกสร้าง ว่างถึงหนาแน่นปานกลาง
- เขตอันตรายชั้น ก หมายถึงเขตการรับประกันภัยที่มีสิ่งปลูกสร้างประกอบด้วยไม้ หรือวัสดุติดไฟร้อยละห้าสิบถึงแปดสิบ ของสิ่งปลูกสร้างภายในเขต และสิ่งปลูกสร้างมีความหนาแน่น
- เขตอันตรายชั้น ข หมายถึงเขตการรับประกันอัคคีภัย ที่มีสิ่งปลูกสร้างประกอบด้วยไม้หรือวัสดุติดไฟมากกว่าร้อยละแปดสิบ ของสิ่งปลูกสร้างภายในเขต และสิ่งปลูกสร้างมีความหนาแน่นมาก รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปดับเพลิงได้
ระบบที่ 2 ใช้กับท้องที่ในส่วนภูมิภาคทั่วไป
ด้วยเหตุที่เมืองในภูมิภาคของประเทศไทยชุมชนเมืองได้รับการพัฒนาแตกต่าง กันค่อนข้างมากทั้งทางด้านผังเมือง ลักษณะของสิ่งปลูกสร้างการสาธารณูปโภค การบริการสาธารณะ เช่นการบรรเทาสาธารณภัย และสภาพแวดล้อม พรบ.ควบคุมอาคารใช้บังคับเฉพาะภายในเขตเทศบาล หรือสุขาภิบาลเท่านั้นทำให้ไม่สามารถพัฒนาเมืองอย่างมีระบบได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวการกำหนดชั้นของเมืองจำเป็นต้องให้สอดคล้องกับสภาพเมือง ที่มีความแตกต่างกัน แบ่งออกเป็น 5 ระดับ
ปัจจัยหลักและความสำคัญที่นำมาพิจารณา
- ลักษณะทางกายภาพ ได้แก่สิ่งปลูกสร้างและความหนาแน่น ซึ่งมีผลต่อการลุกลามของไฟภายในเขต
- แนวต้านไฟ ได้แก่ แนวทางรถไฟ แม่น้ำ ลำคลอง ป้องกันมิให้ภัยจากภายนอกลุกลามเข้ามาในเขต
- การระงับอัคคีภัย ได้แก่การดับเพลิงสาธารณะ และแหล่งน้ำ
หลักการดังกล่าวข้างต้น ได้นำมาให้คะแนนความบกพร่องของปัจจัยหลักของการพิจารณากำหนดระดับความเสี่ยง ภัยของท้องที่ ในส่วนภูมิภาคตั้งแต่ประกาศนายทะเบียนฯประกาศบังคับใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2511 นับว่าเป็นเกณฑ์ที่ประสบผลสำเร็จดีพอใช้ สามารถใช้เป็นแนวทางในการให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เอาประกันภัยได้ในระยะหนึ่ง
เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดชั้นของเมืองใหม่
ปัจจุบันปัจจุบันประเทศไทยกำลังพัฒนา การขยายตัวของเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีระบบขึ้นเกิดชุมชนเมืองขึ้นมากโดยเฉพาะ ในส่วนภูมิภาคที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะนำความเจริญ และกระจายรายได้สู่ภูมิภาค การขยายตัวในภูมิภาค ยังเป็นการขยายตัวในแนวราบ ความเจริญบางท้องที่ขยายออกนอกเขตเทศบาลหรือเขตสุขาภิบาล การกำหนดเขตเทศบาล หรือสุขาภิบาลตามไม่ทันความเจริญของ ชุมชนเมืองที่เริ่มมีความแตกต่างกันน้อยลงจากการที่ฝ่ายเขตการรับประกันภัย ซึ่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงได้ออกสำรวจเก็บข้อมูล ในพื้นที่ที่ปรากฏว่าจำนวนเขตการรับประกันอัคคีภัยในภูมิภาค จำนวนมากที่ยังมีระดับความเสี่ยงภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงเป็นการสร้าง ความไม่เป็นธรรมต่อผู้เอาประกันภัยที่มีทรัพย์สิน ที่เอาประกันภัยอยู่ในเขตนั้นๆ ต้องถูกบังคับให้เสียเบี้ยประกันภัยแพงโดยใช้ระบบพิกัด
ฉะนั้น การกำหนดชั้นของเมืองที่ใช้อยู่ในปัจจุบันควรที่จะได้รับการทบทวนใหม่อยู่ เสมอ (ปัจจุบันได้กำหนดให้อำเภอเมือง เกือบทุกจังหวัดและบางอำเภอสำคัญให้ใช้ระบบการกำหนดชั้นของเมืองแบบที่1) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพชุมชนเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป
วิธีการดำเนินการ
ใช้ปัจจัยหลัก และความสำคัญที่นำมาพิจารณาเช่นเดิม แต่แก้ไขวิธีการให้คะแนนความบกพร่องของปัจจัยหลักจากที่มี 7 ระดับ ให้เหลือเพียง 5 ระดับ
หลักเกณฑ์การกำหนดชั้นของเมือง แบ่งออกเป็น 5 ระดับ
- ลักษณะและความสำคัญของแต่ละลักษณะที่ได้รับการพิจารณา
- การตั้งชั้นของเมืองตามคะแนนที่ได้รับ
การกำหนดลำดับชั้นของสิ่งปลูกสร้าง
ลำดับชั้นของสิ่งปลูกสร้างในพิกัดอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยที่ใช้ในอดีตกำหนดไว้เป็น 6 ชั้นคือ
- สิ่งปลูกสร้างชั้นเยี่ยม ต้องมีลักษณะดังนี้
- กำแพง ด้านนอก และกำแพงกั้นด้านในทั้งหมดต้องทำด้วยอิฐเผา หรือหิน หรือคอนกรีตซึ่งไม่มีไม้หรือวัตถุที่ติดไฟได้ เว้นแต่ใช้เป็นประตูหรือหน้าต่างหลังคาทำด้วยคอนกรีต หรือกระเบื้องหรือหินชนวน หรือโลหะและโครงเป็นคอนกรีต หรือเหล็กกล้า เสาทำด้วยคอนกรีตหรือโลหะ
- พื้นเป็นคอนกรีต หรือโลหะ จะใช้วัสดุอื่นปูทับบนพื้นดังกล่าวก็ได้
- บันไดเป็นคอนกรีตหรือโลหะจะใช้วัสดุอื่นๆปูทับบนพื้นบันไดคอนกรีตหรือโลหะนั้นก็ได้
- สิ่งปลูกสร้างชั้นพิเศษ ต้องมีลักษณะตามข้อ(1)ข้อ(2)และข้อ(3)ของสิ่งปลูกสร้างชั้นเยี่ยม
- สิ่งปลูกสร้างชั้น 1 ต้องมีลักษณะดังนี้
- กำแพง ด้านนอกทำด้วยอิฐเผา หรือหิน หรือคอนกรีต หรือแผ่นหินชนวนซึ่งมีไม้หรือวัสดุอื่นที่ติดไฟได้ไม่เกินเนื้อที่ ฝาผนัง 1 ด้าน สำหรับตึกแถว และไม่เกิน 20 เปอเซ็นร์ สำหรับสิ่งปลูกสร้างอื่นๆเว้นแต่จะใช้เป็นประตูหรือหน้าต่าง
- หลังคามุงกระเบื้อง หรือหินชนวนหรือแผ่นโลหะ หรือกระเบื้องไม้และโครงไม้
- พื้นไม้
- หรือสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะโปร่งมีหลังคาสังกะสี หรือมุงกระเบื้องโครงโลหะหรือคอนกรีตให้ถือเป็น สิ่งปลูกสร้างชั้น 1 ได้
- หรือ สิ่งปลูกสร้างที่ทำด้วยโลหะหรือวัสดุทนไฟ โครงสร้างและเสาทำด้วยโลหะหรือทำด้วยคอนกรีตมีหลังคามุงโลหะ หรือกระเบื้องให้ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างชั้น 1 ได้
- สิ่งปลูกสร้างชั้น 2 ต้องมีลักษณะดังนี้
- กำแพงด้านนอกทำด้วยอิฐเผา หรือหิน หรือคอนกรีตชนวนอย่างน้อย 50 เปอเซ็นต์ หลังจากหักประตูและหน้าต่างแล้ว
- หลังคามุงกระเบื้อง หรือหินชนวนหรือแผ่นโลหะหรือกระเบื้องไม้หรือโครงไม้
- หรือสิ่งปลูกสร้างโปร่งเสาไม้ หลังคามุงกระเบื้อง หรือหินชนวนหรือแผ่นโลหะให้ถือว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างชั้น 2 ได้
- สิ่งปลูกสร้างชั้น 3 สิ่งปลูกสร้างที่ที่ไม่มีลักษณะตามที่กำหนดไว้ในสิ่งปลูกสร้างชั้นพิเศษ ชั้น1 ชั้น 2 และชั้น4 ให้ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างชั้น 3
- สิ่งปลูกสร้างชั้น 4 สิ่งปลูกสร้างที่มีบางส่วนหรือทั้งหมดทำจากใบจาก หรือวัสดุคล้ายคลึงกัน