Homeowner’s Fire Insurance

การประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย

ความเป็นมา

กรมธรรม์ ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยได้มีการจัดทำขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่าง กรมการประกันภัยและสมาคมประกันวินาศภัยโดยเป็นการพัฒนารูปแบบกรมธรรม์ประกันภัยแยกออกมาจากกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีกรมธรรม์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้นซึ่งในที่นี้ หมายถึง เจ้าของที่อยู่อาศัย และเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงภัยของที่อยู่อาศัย ซึ่งมีความเสี่ยงภัยต่ำเมื่อเทียบกับลักษณะภัยอื่น ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม สำนักงาน เป็นต้น ผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยจะได้รับประโยชน์จากการทำประกัน อัคคีภัยสอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงภัยของตน

ความคุ้มครอง

กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยจะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจาก

  1. ไฟไหม้ รวมถึงไฟไหม้ป่า พุ่มไม้ พงรก และการเผาป่าเพื่อปราบพื้นที่
  2. ฟ้าผ่า รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดจากการลัดวงจรเนื่องจากฟ้าผ่า
  3. การระเบิดทุกชนิด
  4. ภัยจากยานพาหนะ หรือช้าง ม้า วัว ควาย
    • จากการชนโดยยานพาหนะต่าง ๆ (รวมถึงช้าง ม้า วัว ควาย)
    • แต่ต้องไม่ใช่ยานพาหนะของผู้เอาประกันภัย
  5. ภัยจากอากาศยานหรือวัตถุที่ตกจากอากาศยาน
    1. จากการชน หรือตกใส่
    2. ตัวอากาศยาน หรือ ของที่ตกจากอากาศยาน
    3. อากาศยาน ให้หมายรวมถึง จรวด และยานอวกาศด้วย
  6. ภัยเนื่องจากน้ำ
    1. เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ
    2. จากการปล่อย รั่วไหล ล้น
    3. จากท่อน้ำ ถังน้ำฯ รวมถึงน้ำฝนที่ผ่านเข้าทางอากาศที่ชำรุด
    4. แต่ไม่รวมถึง น้ำท่วม และท่อประปาที่แตกนอกอาคาร

ภัยที่ซื้อเพิ่มเติมได้

  1. ภัยลมพายุ
  2. ภัยจากลูกเห็บ
  3. ภัยจากควัน
  4. ภัยแผ่นดินไหว
  5. ภัยน้ำท่วม
  6. ภัยจลาจลและนัดหยุดงาน
  7. ภัยเนื่องจากป่าเถื่อนและการกระทำด้วยเจตนาร้าย
  8. ภัยระอุ
  9. ภัยระอุที่มีการลุกไหม้ / ระเบิด
  10. ภัยต่อเครื่องไฟฟ้า

การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย

ผู้เอาประกันสามารถเลือกการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยได้ 2 แบบ คือ

  1. แบบปกติ โดยการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันตามมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน (Actual Cash Value)
  2. แบบการชดใช้ตามมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นของใหม่ (Replacement Cost Valuation หรือ New for Old)

การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน (Actual Cash Value) บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมูลค่าที่แท้จริงทรัพย์สิน มูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน เท่ากับ มูลค่าทรัพย์สินที่เป็นของใหม่ หัก ด้วยค่าเสื่อมราคา ณ เวลาและสถานที่ที่เกิดความเสียหายการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่า ทรัพย์สินที่เป็นของใหม่ (Replacement Cost Valuation) บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม มูลค่าทรัพย์สินที่เป็นของใหม่ ณ เวลา และ สถานที่ที่เกิดความเสียหาย

ประโยชน์เพิ่มเติมจากกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย

  1. ผู้เอาประกันภัยได้รับความคุ้มครองพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยซึ่งให้ความคุ้มครองพื้นฐานเพียง 3 ภัย ได้แก่ ไฟไหม้ ฟ้าผ่า และการระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่าง หรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ให้ความคุ้มครองพื้นฐานเพิ่มเป็น 6 ภัย ดังได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น
  2. ให้ประโยชน์กรณีกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยคลาดเคลื่อน

กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย

กรมธรรม์ ฯ ที่อยู่อาศัย

ถ้าหากจำนวนเงินเอาประกันภัยน้อยกว่ามูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจะลดลงตามหลักการเฉลี่ย

ถ้า หากจำนวนเงินเอาประกันภัยคลาดเคลื่อนจากมูลค่าที่แท้จริง แต่ยังไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สิน เมื่อเกิดความเสียหายเพียงบางส่วน บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมเสมือนกับที่ได้ทำประกันไว้เต็มมูลค่า

(หลัก การเฉลี่ย หมายถึง ในกรณีที่จำนวนเงินเอาประกันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินจะถือว่า ผู้ เอาประกันภัยได้เอาประกันตัวเองในส่วนต่างนั้น บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนลดลงตามส่วน)

  1. เพิ่มเงื่อนไขให้บริษัทต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมทั้งดอกเบี้ยในฐานะลูกหนี้ผิดนัดในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
  2. ข้อ ดีที่เห็นได้ชัดเจนของ “กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย” คือ เรื่องเบี้ยประกันภัย ยกตัวอย่าง เช่น บ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครมีมูลค่า 1,000,000 บาท ทำประกันภัยอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยไว้เต็มมูลค่า คือ วงเงินเอาประกันภัยเท่ากับ 1,000,000 บาท ตามกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยแบบทั่วไป ผู้เอาประกันภัยจะต้องเสียเบี้ยประกันภัย 900 บาท ต่อปี แต่สำหรับ “กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย” ซึ่งให้ความคุ้มครองกว้างกว่าดังได้กล่าวแล้วข้างต้น ผู้เอาประกันภัยก็จะจ่ายเบี้ยประกันภัยเท่าเดิม คือ 900 ต่อปี หากเป็นกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยแบบทั่วไป ผู้เอาประกันภัยซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมให้มีความคุ้มครองเท่ากับกรมธรรม์ ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ผู้เอาประกันภัยจะต้องเสียเบี้ยประกันภัยรวม 1,200 บาทต่อปีเท่ากับว่ากรมธรรม์ประกันภัยสำหรับที่อยู่อาศัยนี้ทำให้ประหยัด เบี้ยประกันได้ 300 บาท

ข้อแนะนำในการเลือกทำประกันภัยที่อยู่อาศัย

ขอ แนะนำให้ประชาชนทุกคนได้สนใจทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย เนื่องจากเบี้ยประกันภัยที่จะต้องจ่ายจะมีจำนวนเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มครองที่จะได้รับและหากจะให้ได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น จากการทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยดังกล่าว ขอแนะนำให้ประชาชนทำประกันระยะยาว 2 ปี หรือ 3 ปี ซึ่งจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยสำหรับการทำประกันภัยระยะยาวอีกนั่นคือ หากทำประกันภัยระยะยาว 2 ปี บริษัทจะคิดเบี้ยประกันภัยเท่ากับ 175 % ของเบี้ย ประกันภัย 1 ปี และหากทำประกันภัยระยะยาว 3 ปี บริษัทจะคิดเบี้ยประกันภัย 250 % ของเบี้ยประกันภัย 1 ปี จากตัวอย่างข้างต้นถ้าทำประกันภัยแบบ ต่ออายุปีต่อปีเป็นเวลา 3 ปี เบี้ยประกันภัย รวมจะเท่ากับ 2,700 บาท (ปีละ 900 บาท) ในขณะที่ทำประกันภัยแบบระยะยาว ระยะเวลาเอาประกัน 3 ปี จะจ่ายเบี้ยประกันเพียง 2,250 บาท (250 % ของ 900 บาท) ซึ่งเท่ากับประหยัดเบี้ยประกันภัยได้ 450 บาท ทั้งนี้ การทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยระยะยาวนี้สามารถทำได้สูงสุดถึง 30 ปี และจะได้รับประโยชน์จากการลดเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น